FIT TIPS

Marathon Fit Test

FITTEST การทดสอบร่างกายฟรี ทำง่ายๆใกล้บ้านคุณ

FITTEST การทดสอบร่างกายฟรี ทำง่ายๆใกล้บ้านคุณ      ควรจะเริ่มต้นออกกำลังกายอย่างไรดี แล้วจะดีหรือไม่ ถ้าหากคุณสามารถรู้ว่าคุณควรออกกำลังกายแบบไหน ควรเลือกที่จะออกไปวิ่งที่สวนสาธารณะ หรือ เข้ายิมเพื่อเล่นเวทเทรนนิ่งเพิ่มกล้ามเนื้อ นี่จึงเป็นสาเหตุว่าทำไม เราจึงต้องทำ FitTest ก่อนที่เราจะเริ่มออกกำลังกาย เพราะการทำFitTest เราจะได้รู้ค่า น้ำหนัก มวลกล้ามเนื้อ มวลไขมัน และค่าอื่นๆอีกมากมาย ซึ่งค่าต่างๆนี้ จะถูกนำไปจัดโปรแกรมการออกกำลังกายต่อไป การทดสอบจะแบ่งเป็นสถานีต่างๆ ทั้งหมด 4 สถานี ดังนี้ สถานีวัดความดันโลหิต      สถานีนี้จะเป็นสถานีที่วัดค่าความดันโลหิต และอัตราการเต้นของหัวใจ ค่าที่ได้มาก็จะเป็นค่าความดันโลหิต และค่าชีพจรขณะพัก      2.สถานีวัดมวลร่างกาย      สถานีนี้จะเป็นสถานีที่ทำให้เราได้รู้ค่าต่างๆในร่างกาย ได้แก่ น้ำหนัก มวลกล้ามเนื้อ เปอร์เซ็นต์ไขมัน และไขมันในช่องท้อง ซึ่งเป็นส่วนที่สำคัญมากในการจัดโปรแกรม และรูปแบบการออกกำลังกาย      3.สถานีวัดแรงบีบมือ      สถานีนี้จะเป็นสถานีที่วัดความแข็งแรงของแขนส่วนปลาย และกล้ามเนื้อโดยรวมของแขนทั้งหมด ซึ่งความแข็งแรงของแขนส่วนปลายจะบอกอะไรหลายๆในร่างกายของเราได้ เช่นความแข็งแรงของกล้ามเนื้อโดยรวม เป็นต้น      4.สถานีวัดความอ่อนตัว      ความอ่อนตัว หรือความยืดหยุ่นของกล้ามเนื้อ เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สามารถสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแรงของร่างกาย นอกจากนี้ ผู้ที่มีความยืดหยุ่นสูง ยังช่วยป้องกันการบาดเจ็บจากการออกกำลังกายได้อีกด้วย      เมื่อทำการทดสอบเสร็จแล้ว พนักงานก็จะนำผลการทดสอบทั้งหมด คีย์เข้าระบบคอมพิวเตอร์ และจะได้ผลการประเมินต่างๆออกมา ซึ่งผลของแต่ละคนจะไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับรูปแบบการใช้ชีวิต และกิจกรรมต่างๆ โดยพนักงานของเรา จะทำการแนะนำรูปแบบการออกกำลังกาย ที่เหมาะสมกับผู้ที่มาทดสอบ และแนะนำเครื่องออกกำลังกายที่เหมาะสมให้อีกด้วย       สำหรับการทำ FitTest นั้นสามารถเข้ามาทดสอบได้ ฟรี!!! ที่หน้าร้าน โชว์รูมเครื่องออกกำลังกาย มาราธอน ทุกสาขา ทั่วประเทศ      สามารถดูหน้าร้านของเราได้ที่ :https://www.marathonfitmall.com/showroom/      ประโยชน์ของการทำ FitTest :https://www.youtube.com/watch?v=U17Kfr8UtgE&t=329s  

Read More »
Dsc01913

โซนในห้องฟิตเนสมีกี่โซน อะไรบ้าง ?

โซนในห้องฟิตเนสมีกี่โซน อะไรบ้าง ? การออกกำลังกายกำลังเป็นเทรนที่มาแรงในปัจจุบัน เนื่องจากผู้คนมีความสนใจในเรื่องสุขภาพมากขึ้น สถานประกอบการเกี่ยวกับสุขภาพและการออกกำลังกายก็มีมากขึ้น ราคาก็แตกต่างกันไป รวมถึงฟิตเนสตามคอนโด-หมู่บ้านต่างๆก็มีอุปกรณ์หรือเครื่องออกกำลังกายแตกต่างกันไป วันนี้เราพามาดูโซนการออกกำลังกายต่างๆ ที่เราสามารถพบเจอได้ในFitness ทั่วไปกันครับ Zone Cardio ลู่วิ่งไฟฟ้า จักรยาน เครื่องเดินวงรี นับเป็นเครื่อง Cardio ยอดฮิตสำหรับกลุ่มผู้ออกกำลังกายใน Fitness ต่างๆ เนื่องจากใช้งานง่าย และการออกกำลังกายแบบ Cardio ยังได้ประโยชน์ที่หลากหลายจึงทำให้เครื่อง Cardio เป็นสิ่งที่เราสามารถพบเห็นได้ในทุกๆ Fitness Zone Weight training Weight training เป็นการออกกำลังกายที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในผู้ชาย เพราะเป็นการออกกำลังกายที่ทำให้มีสรีระที่สวยงาม หรือพูดง่ายๆคือ มีกล้ามเนื้อ หุ่นดีนั่นเอง และในปัจจุบัน ก็ยังมีกลุ่มสาวๆที่หันมาสนใจการ Weight training มากขึ้นเช่นกัน คลาสออกกำลังกายต่างๆ เช่น ซุมบ้า โยคะ แอโรบิค คลาสออกกำลังกายต่างๆ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ที่ดึงดูดกลุ่มคน ให้เข้ามาออกกำลังกายในสถานที่นั้นๆมากขึ้น เนื่องจากการออกกำลังกายในลักษณะนี้ มีการทำกิจกรรมเป็นกลุ่ม และพร้อมเพรียงกัน ทำให้ผู้เข้าร่วมกิจกรรมนั้นๆรู้สึกสนุกสนาน และออกกำลังกายได้อย่างไม่น่าเบื่อ สนามกีฬา เช่น สนามมวย สนามแบดมินตัน สนามฟุตบอล หรือยิมปีนหน้าผา สนามกีฬา เป็นอีกอย่างที่สามารถดึงดูดกลุ่มคนที่ชอบเล่นกีฬา ให้เข้ามาใช้บริการในสถานที่นั้นๆ โดยส่วนใหญ่จะมาใช้บริการกันเป็นกลุ่มใหญ่ และยังเป็นสถานที่ในการจัดการแข่งขันได้อีกด้วย

Read More »
4 ประโยชน์ที่คุณที่คุณจะได้จากการใช้เครื่

4 ประโยชน์ที่คุณที่คุณจะได้จากการใช้เครื่องเดินวงรี

4 ประโยชน์ที่คุณที่คุณจะได้จากการใช้เครื่องเดินวงรี เครื่องออกกำลังกายนั้นมีอยู่มากมาย ที่เห็นได้แทบทุกๆฟิตเนส หรือที่คนนิยมซื้อไปใช้ที่บ้านก็เช่น ลู่วิ่งไฟฟ้า จักรยาน หรือม้านั่งซิทอัพและอีกเครื่องที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ เครื่องเดินวงรี สำหรับคนที่กำลังจะเริ่มออกกำลังกาย หรืออยากซื้อเครื่องออกกำลังกายสักเครื่องมาไว้ที่บ้าน แต่ยังตัดสินใจไม่ได้ว่าจะซื้อเครื่องไหนดี  เครื่องเดินวงรีก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดี เนื่องจากเครื่องเดินวงรีนั้นออกแบบมาให้ใช้กล้ามเนื้อหลายๆส่วน ทำให้ประหยัดเวลาในการออกกำลังกาย และยังสามารถใช้ได้ทุกเพศทุกวัยอีกด้วย วันนี้เราจะพามาดู 4 ประโยชน์ที่คุณที่คุณจะได้จากเครื่องเดินวงรี เผาผลาญพลังงานได้เร็วกว่า การออกกำลังกายด้วยเครื่องเดินวงรีนั้น เป็นการออกกำลังกายแบบ TBT (Total Body Trainning) คือการออกกำลังกายที่ใช้กล้ามเนื้อทั่วทั้งตัว ทั้งแขน ขา ลำตัวไปพร้อมๆกัน เมื่อมีการขยับกล้ามเนื้อหลายๆมัด ก็จะทำให้มีการเผาผลาญพลังงานที่มากกว่าการวิ่งหรือปั่นจักรยาน ที่ใช้แค่เพียงกล้ามเนื้อส่วนล่างเพียงอย่างเดียว ทำให้ประหยัดเวลาในการฝึกและยังมีรูปร่างที่สมส่วนอีกด้วย 2. เพิ่มความแข็งแรงให้กับหัวใจ – ห่างไกลโรค การออกกำลังกายด้วยเครื่องเดินวงรี จัดเป็นการออกกำลังกายประเภทคาร์ดิโอ หรือ แอโรบิค ซึ่งดีต่อระบบหัวใจและไหลเวียนเลือด หากทำเป็นประจำจะช่วย เพิ่มการไหลเวียนเลือด ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจ ลดการอักเสบ ลดระดับไตรกีเซอไรด์ และทำให้ระบบหายใจดีขึ้น และยังช่วยลดความเสียงในการเป็นโรคเบาหวานได้อีกด้วย 3. ใช้ฝึกโปรแกรม HIIT ได้ดี การออกกำลังกายด้วยโปรแกรม HIIT หรือหนักสลับเบา เป็นอีกหนึ่งทางเลือกสำหรับผู้ที่มีเวลาจำกัดในการออกกำลังกาย เพราะเป็นโปรแกรมการออกกำลังกายที่เบิร์นไขมันได้เยอะ ใช้เวลาไม่มาก และมีประโยชน์มากๆ เป็นการออกำลังกายที่ผู้ฝึกจะต้องดันอัตราการเต้นของหัวใจให้สูงมากๆ ในเวลาอันสั้น ซึ่งการใช้เครื่องเดินวงรีมาช่วยในการฝึกโปรแกรมนี้ หากเล่นในระดับความเร็วเท่ากัน เครื่องเดินวงรีจะใช้กล้ามเนื้อทั่วทั้งตัว ซึ่งจะทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มขึ้นเร็วกว่าการวิ่งหรือปั่นจักรยานแน่นอน 4. ไม่มีแรงกระแทก ใช้ได้ทุกคน หากคุณพึ่งฟื้นตัวจากการบาดเจ็บไม่สามารถออกกำลังกายที่ต้องวิ่งหรือกระโดดได้ หรือในครอบคัวของคุณมีผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องข้อเข่า เครื่องเดินวงรีก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ดีมาก เพราะการออกกำลังกายด้วยเครื่องเดินวงรีเป็นการออกกำลังกายแบบแรงกระแทกต่ำ จึงไม่เพิ่มแรงกดที่ข้อต่อ ทำให้คนที่เพิ่งหายจากอาการบาดเจ็บสามารถฟื้นฟูความสามารถในการเคลื่อนไหวร่างกาย และเพิ่มความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและข้อต่อได้อย่างปลอดภัย ไม่เสี่ยงอาการบาดเจ็บกำเริบ

Read More »
Workouthurt 1008885346 770x553 1

เจ็บอยู่ก็ฟิตได้ !!

เจ็บอยู่ก็ฟิตได้ !!! เจ็บอยู่ก็ฟิตได้! รักษาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาได้ง่าย ๆ ร่างกายคนเราเมื่อออกกำลังกายแล้วมีอาการบาดเจ็บ เมื่อเกิดการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา ความคิดทั่วไปคือ “พักให้หายก่อนแล้วค่อยกลับมาออก” แต่บางครั้งการพักนั้นกลับทิ้งช่วงนานเสียจนทำให้เราหมดไฟในการออกกำลังกายได้ แต่ที่คนส่วนใหญ่ไม่ทราบคือ การบาดเจ็บจากการออกกำลังกาย สามารถรักษาได้โดยการออกกำลังกายเช่นกัน   ก่อนอื่นเรามาดูก่อนว่าอาการบาดเจ็บเกิดขึ้นจากอะไรได้บ้าง –        การใช้งานกล้ามเนื้อบางจุดมากเกินไป –        ร่างกายไม่มีความแข็งแรงมากพอสำหรับการออกแรง/กิจกรรมนั้นๆ –        ขาดความรู้หรือทักษะ –        ไม่ได้เตรียมร่างกายให้พร้อมก่อน/หลังออกแรง (ไม่ได้วอร์มอัพ/คูลดาวน์) –        การออกแรงในท่าทางที่ไม่ถูกต้อง การออกกำลังเบาๆขณะที่ยังบาดเจ็บ จะทำให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ขับไล่เลือดเสียออกไป และช่วยกระตุ้นการซ่อมแซมของเนื้อเยื่อที่บาดเจ็บได้ ใครไม่อยากจะให้ตัวเองหมดไฟก่อนจะหุ่นดีตามที่หวัง แอดมีคำแนะนำดีๆมาให้ครับผม สำรวจตัวเอง ดูว่าอาการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นมีความหนักเบาแค่ไหน หากประเมินแล้วว่ายังสามารถออกกำลังกายได้ก็ไม่มีปัญหา แต่หากถึงขั้นไม่สามารถใช้งานปกติได้ อาจต้องขอคำปรึกษาจากแพทย์เพิ่มเติมนะครับ กำหนดเป้าหมาย คนที่มีอาการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาบางคนจะมีเป้าหมายแตกต่างกัน เช่น ต้องการให้กลับมาใช้งานได้เป็นปกติหรือเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ การกำหนดเป้าหมายจะช่วยกำหนดโปรแกรมที่เหมาะสมกับตัวเราได้ แอดจึงขอแนะนำการตั้งเป้าหมายแบบ SMART Goal Setting ประกอบด้วย S = Specific กำหนดให้ชัดเจนว่าจะออกกำลังแบบไหน M = Measurable กำหนดปริมาณความหนักและเวลา A = Attainable กำหนดสิ่งที่เหมาะสมกับตัวเรา R = Relevant กำหนดกิจกรรมที่จะทำให้เข้ากับเป้าหมายของเรา T = Timely กำหนดตัวเลขระยะเวลาไปให้ชัดเจน เลือกอุปกรณ์ที่เหมาะสม เช่น ดัมเบลปรับน้ำหนักได้ ขณะบาดเจ็บจำเป็นต้องใช้น้ำหนักที่น้อยลงกว่าเดิมเพื่อความปลอดภัย เพราะฉะนั้นจึงควรมีดัมเบลที่มีขนาดความหนักที่หลากหลายเพื่อการใช้งาน การออกกำลังเพื่อฟื้นฟูการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬา สามารถทำได้ตามนี้เลยครับ ออกแรงเบาๆ อาการบาดเจ็บบางอย่างจะหายเร็วขึ้นเมื่อออกกำลังที่จุดเดิมในความหนักที่เบาลงเพื่อกระตุ้นเลือดให้ไหลเวียนซึ่งส่งผลให้ฟื้นตัวได้ดีขึ้น เช่น วันที่เรายกเวทมาหนัก ๆ แล้วเกิดอาการปวดกล้ามเนื้อ ปกติเราควรจะพักเพื่อให้ร่างกายฟื้นฟู 2-3 วัน แต่หากวันถัดไปเราออกกำลังท่าเดิมโดยใช้ความหนักของดัมเบลที่เบาลงแต่เพิ่มจำนวน Set อาจจะใช้ดัมเบลแบบ PowerBlock ที่ปรับน้ำหนักได้ก็จะลดเวลาการพักฟื้นของร่างกายได้ เลี่ยงจุดเจ็บ การบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาจะแสดงอาการเมื่อเราออกท่าทางองศานั้นๆ เช่น บางคนมีอาการเจ็บแปล๊ปเมื่อยกแขนขึ้นจนสุด ก็สามารถออกกำลังได้โดยยกแขนขึ้นโดยยกไม่ถึงจุดที่จะทำให้รู้สึกเจ็บ ก็จะสามารถออกกำลังได้ ออกแรงกล้ามเนื้อฝั่งตรงข้าม ยกตัวอย่างเช่นเมื่อเราออกแรงเช่นฝึกกล้ามเนื้อต้นแขนด้านหน้า (Biceps) กล้ามเนื้อต้นแขนด้านหลัง (Triceps) เองก็มีการเคลื่อนไหวเช่นกัน การฝึกกล้ามเนื้อต้นแขนด้านหลังจึงกลายเป็นกระตุ้นกล้ามเนื้อต้นแขนด้านหน้าไปในตัวหากเกิดการบาดเจ็บ หากทำได้ตามนี้ ทุกคนก็จะสามารถฟื้นฟูร่างกายหลังการบาดเจ็บจากการเล่นกีฬาได้ไม่ยาก และแอดเชื่อว่าทุกคนจะไปถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอนครับผม ที่มา : https://he02.tci-thaijo.org/index.php/simedbull/article/download/164962/119523 https://www.bangkokhospital.com/content/recovery-after-sports-injury

Read More »
5 ท่าฝึกใหม่ๆ โดนใจ ด้วยดัมเบล

5 ท่าฝึกโดนๆด้วยดัมเบล By PowerBlock

บอกลาการเล่นเวทแบบเดิมๆ กับ 5 ท่าฝึกโดนๆด้วยดัมเบล By PowerBlock ดัมเบล ถือเป็นอุปกรณ์ออกกำลังกายประเภทเวทเทรนนิ่ง ที่หาซื้อง่าย คนรักสุขภาพทุกคนควรต้องมีติดบ้านไว้ เพราะสามารถนำมาใช้ฝึกได้สะดวก แถมยังมีประโยชน์ต่อร่างกายในหลายๆ ด้านอีกด้วย โดยเฉพาะการช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อ ช่วยเผาผลาญ ลดไขมัน และยังทำให้หุ่นสวย เท่ ดูเฟิร์ม ก็ทำได้เช่นกัน ซึ่งท่าในการออกกำลังกายด้วยดัมเบลทั่วๆไปนั้น ใน 1 ท่าจะมีการเคลื่อนไหวของมัดกล้ามเนื้อแค่ไม่กี่มัด ซึ่งอาจจะทำให้ผู้ที่ใช้ดัมเบลเป็นประจำเกิดความรู้สึก เบื่อ หรือจำเจกับการออกกำลังกายแบบเดิมๆ เพื่อนๆคนไหนที่เบื่อ กับการเล่นดัมเบลท่าเดิมๆซ้ำๆ วันนี้เราขอแนะนำ 5 ท่าฝึกโดนๆ ด้วยดัมเบล ที่จะทำให้การฝึกของคุณ สนุก ไม่จำเจ อีกต่อไป ท่าที่ 1 : Lunge   Lunge (ท่าลันจ์)  เป็นท่าออกกำลังกายท่าหนึ่งที่ให้ประโยชน์คล้ายๆ กับ ท่าสควอท (Squat) เป็นท่าออกกำลังกายที่เน้นกระชับกล้ามเนื้อส่วนล่างลำตัวเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อต้นขาด้านข้าง กล้ามเนื้อต้นขาด้านหลัง สะโพก และก้น ท่าที่ 2 : Dumbbell Romanian Deadlift ท่า ดัมเบล Dumbbell Romanian Deadlift เป็นท่าสำหรับบริหาร กล้ามเนื้อหลัง สะโพก แฮมสตริงหรือต้นขาด้านหลัง แขน และหน้าท้อง ทำให้เสริมบุคคลิก ซึ่งเป็นท่าที่ง่าย เคลื่อนไหวน้อย เหมาะจะนำมาเล่นเป็นท่าแรก ๆ หลังวอร์มอัปเสร็จ ท่าที่ 3 : Devil Press Devil Press เป็นท่าฝึกแบบ Functional ที่ใช้บริหารได้ทั่วทั้งตัว ไม่ว่าจะเป็น สะโพก กล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว กล้ามเนื้อหลัง หัวไหล่ แขน เป็นท่าที่ต้องอาศัยความแข็งแรงในระดับหนึ่ง สำหรับท่า Devil Press เรามีวีดีโอแนะนำทริคเล้กๆน้อยๆมาให้ดุกันด้วยค่ะ ดูวีดีโอ คลิก!! ท่าที่ 4 : Squat Overhead Press Squat Overhead Pressเป็นอีกหนึ่งท่าฝึก ที่ได้บริหารทั้งช่วงบน และช่วงล่าง ไม่ว่าจะเป็น สะโพก กล้ามเนื้อหลัง หัวไหล่ แขน รวมถึงกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว ก็ยังต้องช่วยในขณะที่ออกแรงดันดัมเบลขึ้น ทำให้ท่านี้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกใในการฝึก ที่ประหยัดเวลาและได้ประโยชน์มากๆ ท่าที่ 5 : Lateral lunge หลักการของท่านี้จะเป็นการพุ่งร่างกายไปทางด้านข้างลำตัว โดยเริ่มที่ยืนตัวตรง มือสองข้างถือดัมเบลข้างลำตัว แล้วก้าวขาขวาไปด้านข้างลำตัวแล้วย่อลง ส่วนขาซ้ายจะเหยียดตึงไปอีกด้าน มือขวาถือดัมเบลไว้ข้างลำตัว มือซ้ายถือดัมเบลอยู่ระหว่างขา ค้างไว้ชั่วครู่ แล้วค่อยกลับมายืนตรงในท่าเริ่ม ทำสลับข้างไปมา PowerBlock Dumbbell สุดยอดดัมเบลที่ดีที่สุด ปรับน้ำหนักได้ สะดวก ว่องไว ประหยัดพื้อนที่ช่วยให้การเทรนของคุณ สนุก ต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน

Read More »
4ท่าโดน ครูฝน

4 ท่าฝึกด้วย Kettlebell โดนๆ สำหรับนักกีฬา

4 ท่าฝึกด้วย Kettlebell โดนๆ สำหรับนักวิ่ง เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและความทนทานให้กล้ามเนื้อขา Kettlebell อุปกรณ์ออกกำลังกายยอดนิยมที่สามารถฝึกที่บ้านได้ ใช้พื้นที่ในการฝึกน้อย เป็นอุปกรณ์ที่เหมาะสำหรับการฝึกร่างกายได้ทั่วทั้งตัว และสามารถใช้ในการฝึกกล้ามเนื้อร่างกายส่วนล่างได้ โดยเฉพาะใช้ฝึกขาซึ่งเป็นสิ่งสำคัญของนักกีฬาที่อยากพัฒนา และเสริมสร้างความแข็งแรง ของตนเองให้ดียิ่งขึ้น 4 ท่าฝึกพื้นฐานที่จะแนะนำ สำหรับเหล่านักวิ่งและนักกีฬา ได้แก่ Kettlebell Swing Kettlebell Squat Kettlebell Clean And Press Kettlebell russian twist นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ กล้ามเนื้อ , เส้นเอ็นและเอ็นยึดที่อยู่รอบๆข้อต่อ (บริเวณข้อเท้า , เข่าและก้น) มีความแข็งแกร่งมากพอที่จะต้องรับแรงกระแทกได้

Read More »
ลดน้ำหนัก พี่เจน1

ลดน้ำหนักจำเป็นต้องออกกำลังกายหรือไม่

ลดน้ำหนักจำเป็นต้องออกกำลังกายหรือไม่ คุณไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายถ้าต้องการลดน้ำหนักตามเป้าหมายที่ตั้งไว้คือตัวเลขที่วัดได้เป็นกิโลกรัมเพราะคุณสามารถประสบความสำเร็จในตามเป้ากมายได้ด้วยการดูแลอาหารที่กิน แต่หากคุณต้องการลดน้ำหนักแบบยั่งยืนด้วยการใส่ใจดูแลอาหารที่กินและออกกำลังกายร่วมด้วย คุณจะแข็งแรงและมีสุขภาพดีทั้งร่างกายและจิตใจ สุขภาพที่ดีขึ้นจะช่วยให้น้ำหนักลดเองได้โดยอัตโนมัติ  อีกทั้งการเกิดน้ำหนักขึ้น-ลง เหวี่ยงไหวแบบ “weight swing” โอกาสการกลับมาอ้วนอีกจะน้อยลง บทแถมคะ* การออกกำลังกายที่เหมาะสมช่วยให้ระบบเผาผลาญพลังงานทำงานได้ดีขึ้น* เซลล์ได้ใช้พลังงานจากไขมันที่สะสมอยู่ในร่างกายที่มีมากมายเป็นหมื่นเป็นแสนแคลอรี่ ประหยัด เหมาะกับภาวะเงินเฟ้อในยุคนี้* แคลอรี่จากไขมันเป็นแคลอรี่ราคาถูก คุณภาพดีของเสียในร่างกายที่เกิดจากการเผาผลาญไขมันมีน้อยกว่าพลังงานที่ได้จากน้ำตาล* พลังงานจากไขมันปลอดภัย ยิ่งใช้ยิ่งคุ้ม หน้าเด็กลง น้ำหนักลด หุ่นดีขึ้นเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่กำลังสร้างสุขภาพดีและกำลังลดน้ำหนักค่ะขอบคุณผู้สนับสนุน Power Block เวทสำหรับการออกกำลังกายที่สวยและคุณภาพดี ประหยัดที่เก็บ Credits: Coach Jane

Read More »
Poster Interval Training 00 1200x600

การออกกำลังกาย แบบหนักสลับ-เบา [ High Intensity Interval Training ]

HIIT workout การออกกำลังกายแบบหนักสลับเบา มีประโยชน์อย่างไร การออกกำลังกายประเภทหนักสลับเบา หรือ ที่เรียกกันติดปากว่า HIIT Workout เป็นการออกกำลังกายที่ถูกนำมาใช้กับนักกีฬา มาอย่างเนิ่นนาน แต่ปัจจุบันมีคนทั่วไปที่ชอบออกกำลังกาย นำมาฝึกกันอย่างแพร่หลาย เพราะสิ่งที่คุณจะได้จากการฝึกแบบนี้ก็มากมายเช่นกัน คุณจะได้อะไรจากการฝึกบ้าง ทางเราสรุปมาให้แล้ว 6 ข้อ ตามนี้เลยครับ ประโยชน์ของ HIIT Workout 1. Burn a lot of calories ในการออกกำลังกายที่เวลาเท่าๆกัน เช่น วิ่ง 40 นาที เหมือนกัน ระหว่างคนที่วิ่งเรื่อยๆ กับคนที่วิ่ง เร็ว สลับ ช้า ทำเป็นเซ็ตๆ แบบหลังจะเป็นการเผาแคลอรี่ ที่มากกว่าแบบแรก!! หลักการฝึกแบบ Interval HIIT Workout หรือ หนักสลับเบาที่จะมาแนะนำวันนี้ ก็จะเป็นการฝึกแบบง่ายๆ ที่ผู้ฝึก เล่นกับเวลา โปรแกรมที่จะมาให้ลองทำ ก็คือ วิ่งเร็ว : วิ่งช้า เป็นสัดส่วน 1 : 1 สำหรับคนที่ฟิตๆ และ 1 : 2 สำหรับคนที่ยังไม่ฟิตมาก เช่น ถ้าคุณฟิตๆ ก็ให้วิ่งสปีด 1 นาที ลงมาเดินๆ 1 นาที หรือถ้า ยังไม่ฟิตมากก็ให้คุณวิ่งสปีด 1 นาที ลงมาเดินๆ 2 นาที โดยที่ลู่วิ่งก็ต้องเลือกใช้ลู่วิ่งที่มีพื้นที่สายพานใหญ่เพียงพอต่อการวิ่งสปีด และมีปุ่มเพิ่มลดความเร็ว ให้กดเพิ่มๆ ลดๆความเร็ว ได้อย่างสนุกสนานเวลาคุณฝึก 2. Improve VO2max ถ้าคุณเป็นนักกีฬา หรือคนที่ชอบการออกกำลังกาย คุณจะรู้จักคำนี้เป็นอย่างดี “VO2max” ยิ่งมีค่านี้สูงเท่าไร ยิ่งแสดงว่าคุณฟิต เครื่องยนต์ชีวภาพของคุณมีประสิทธิภาพมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งโปรแกรม Interval Training – HIIT Workout ส่งผลต่อการเพิ่มค่า VO2max นี้อย่างชัดเจน 3. Increased speed and endurance การฝึกด้วยสปินไบค์ Spin Bike เป็นอีกรูปแบบที่หลายๆคนนิยมมาฝึก ซึ่งช่วงหนักให้คุณปั่นรอบขาให้เร็วขึ้น ดันค่าวัตต์ให้สูงขึ้น ช่วงเบาก็ให้คุณลดรอบขาลง ลดค่าวัตต์ลง ทำแบบนี้เป็นสัดส่วน 1:1 หรือ 1:2 ได้ เหมือนเดิม และแน่นอนครับ สปินไบค์ที่แนะนำ ก็ต้องเป็นสปินไบค์ที่มีการเพิ่มหรือลดระดับความหนักได้อย่างรวดเร็ว มีข้อมูลรอบขา และค่าวัตต์ เพื่อให้ง่ายต่อการฝึก และการฝึกแบบหนักสลับเบานี้ ก็จะส่งผล ให้คุณมีความเร็ว และความทนทานที่สูงขึ้นด้วย รับรองถูกใจ นักวิ่ง หรือ นักปั่น แน่นอนครับ 4. Lost fat – Gain muscle after HIIT Workout การฝึกแบบหนักสลับเบานั้น จังหวะที่เราเพิ่มความหนัก ไม่ว่าจะเป็นการเพื่มสปีดบนลู่วิ่ง หรือการเพิ่มค่าวัตต์บนจักรยาน กล้ามเนื้อจะถูกการใช้งานที่หนักขึ้น ออกแรงมากขึ้น ทำให้กล้ามเนื้อถูกใช้งานมากขึ้น ดังนั้น ผู้ที่ฝึกโปรแกรม Interval เป็นประจำ กล้ามเนื้อก็จะมีการพัฒนามากขึ้นไปด้วย ขณะเดียวกันก็ใช้พลังงานจากไขมันในการฝึกด้วย 5. Enjoyable – fun and challenge สนุก !! โปรแกรมที่มีการฝึกแบบ หนัก สลับเบา ผู้ฝึกทุกคน จะต้องเจอกับช่วงที่หนัก และช่วงที่เบา สลับๆกัน รับรองครับว่าจะเป็นโปรแกรมที่ ทั้งรัก ทั้งเกลียด เลยทีเดียว พยายามวางโปรแกรมการฝึก หนักสลับเบานี้ ให้อยู่ในทุกๆอาทิตย์ของการฝึก จะช่วยทำให้โปรแกรมในแต่ละสัปดาห์ของคุณมีความสนุกสนาน และความท้าทายเพิ่มมากยิ่งขึ้น 6. Metabolic rate is higher for hours คุณรู้หรือไม่ว่า? การฝึกแบบหนักสลับเบานั้น เมื่อคุณฝึกเสร็จแล้ว ร่างกายคุณจะมีการดึงพลังงานออกมาใช้เพิ่ม ขึ้นอยู่กับระดับความหนักทีคุณฝึกเลยทีเดียว หมายความว่าถ้าคุณฝึกโปรแกรม หนักสลับเบาได้ดี คุณจะมีการใช้พลังงาน ทั้งตอนขณะฝึกและภายหลังที่คุณฝึกเสร็จ ประโยชน์ของการฝึกหนักสลับเบา HIIT Workout มีอีกมากมาย เหลือแค่ ลองทำตามกันดูนะครับ และถ้าจะให้เกิดประโยชน์เต็มที่ช่วงที่ฝึกหนัก อัตราการเต้นหัวใจของคุณ ควรจะเต้นอยู่ที่ ZONE 4 หรือ ZONE 5 เพื่อให้โปรแกรมการฝึกหนักสลับเบาของคุณมีประสิทธิภาพสูงสุด ลองไปทำตามกันดู ให้ปอดร้อนเป็นไฟ ให้ความฟิตเพิ่มขึ้นกระจุยกระจายกันได้เลยครับ

Read More »
Poster Pwb 1200x600 00

Why did we choose PowerBlock

ทำไมหลายๆคน ถึงเลือกดัมเบลปรับน้ำหนัก PowerBlock เมื่อกระแสการออกกำลังกายที่บ้านมาแรง จนฉุดไม่อยู่… หลาย ๆ คนหันมาดูแลสุขภาพมากขึ้น การหาอุปกรณ์ดีๆ อย่าง ดัมเบลปรับน้ำหนัก PowerBlock มาฝึกที่บ้าน จึงเป็นสิ่งที่หลาย ๆ คนสนใจ เพราะยังไม่อยากออกไปเข้ายิมเจอคนเยอะๆ หรือข้ออ้างจากความเหนื่อยล้าหลังการทำงานมาทั้งวันจึงไม่อยากขับรถไปเจอรถติดบนท้องถนนก่อนไปยิมอีก การฝึกกล้ามเนื้อ การทำให้หุ่นฟิต ให้หุ่นลีน น่ามอง ก็เป็นอีกเป้าหมายที่หลาย ๆ คนตั้งไว้  และอุปกรณ์สุดคลาสสิค ที่นิยมนำมาฝึกก็คือ ดัมเบล  แต่ปัญหาที่หลายๆคนเจอเมื่อจะหาซื้อเพื่อใช้งานที่บ้านก็คือ คุณต้องซื้อดัมเบลหนักเท่าไร?  คุณจะต้องซื้อดัมเบลกี่คู่?  ถึงจะตอบโจทย์ต่อการสร้างกล้ามเนื้อแต่ละมัดของคุณ การได้รับปริมาณการฝึกที่เพียงพอนี่แหล่ะครับ ที่ทำให้ดัมเบลปรับน้ำหนักมีความสำคัญและมีความจำเป็นขึ้นมาทันที   และนี่คือ 4 เหตุผล ที่รวบรวมมาแล้วว่า ทำไมหลาย ๆ คน ถึงเลือกดัมเบลปรับน้ำหนักได้ แบรนด์ PowerBlock 1. ประหยัดพื้นที่ และสามารถฝึกได้อย่างปลอดภัย ฝึกได้เต็มที่ ทุกท่วงท่า ข้อนี้น่าจะเป็นจุดเด่นที่สุด ของ PowerBlock เลยก็ว่าได้ เพราะเหมือนคุณยกเอาดัมเบลทั้งชั้นวาง มายุบเหลือแค่ดัมเบลเพียงคู่เดียว ประหยัดพื้นที่มากๆ ส่วนใครจะชอบปรับน้ำหนักได้เท่าไร มีออฟชั่นมากน้อยอย่างไร ก็เลือกได้เลยครับ เพราะ PowerBlock ที่จำหน่ายอยู่ที่ประเทศไทย มีให้เลือก ถึง 3 รุ่น Sport24 / Sport50 และ Pro EXP จุดเด่นอีกข้อ ที่ PowerBlock ให้ความสำคัญมากๆ คือวิธีการปรับน้ำหนัก ซึ่งการปรับน้ำหนักแบบสลัก ที่มีการดึงเข้า-ออก และมีระบบแม่เหล็กช่วยในการใส่แบบนี้ ทำให้ นักกีฬา และบุคคลทั่วไป ฝึกได้เต็มที่และปลอดภัยมาก คุณคงไม่อยากต้องระวังหัวทุกครั้งที่ยกดัมเบลปรับน้ำหนักขึ้นเหนือศีรษะใช่มั้ยครับ 2. ฝึกได้ทั่วทั้งตัวกับดัมเบล PowerBlock การใช้ดัมเบลปรับน้ำหนักได้จะช่วยในการฝึกกล้ามเนื้อทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็น กล้ามเนื้อมัดเล็กที่ต้องใช้น้ำหนักเบาในการฝึก เช่น หน้าแขน หลังแขน หัวไหล่ หรือกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่ต้องใช้น้ำหนักเยอะในการฝึก เช่น หน้าอก แผ่นหลัง กล้ามเนื้อสะโพก กล้ามเนื้อต้นขาด้านหน้าและต้นขาด้านหลัง น้ำหนักของดัมเบลส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อตามโปรแกรมที่เราวางไว้ เรียกได้ว่า ดัมเบลเพียงคู่เดียว สามารถฝึกได้ทั้งตัว มีประโยชน์และส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงรูปร่างทุกส่วนอย่างแน่นอน ผมฟันธง!! 3. เปลี่ยนบ้านให้เป็นยิม มันจะดีแค่ไหนครับ ถ้าเราสามารถฝึกได้ทุกวัน ทุกเวลา ไม่ต้องทนกับการฝ่ารถติดไปยิม หรือ ต้องไปเจอผู้คนเยอะๆ คุณแค่หามุมดีๆ ในบ้าน แล้ววาง ดัมเบล PowerBlock รุ่นที่คุณชอบไว้ … จากนั้นก็แค่ เล่นมันบ่อยๆ แล้วดูรูปร่างของคุณ ที่ค่อยๆเปลี่ยนไปตามเป้าหมายที่คุณวางไว้ 4. เคลื่อนย้ายสะดวก ข้อนี้ อาจจะตรงใจใครหลายๆคน ที่เป็นเทรนเนอร์ freelance ที่ต้องคอยออกไปเทรนตามบ้านลูกค้า หรือสถานที่ต่างๆ เพราะคุณสามารถเอาดัมเบลแค่คู่เดียวไว้ท้ายรถ และยังเหลือพื้นที่อีกเพียบในการวางอุปกรณ์การฝึกต่างๆ หรือ อาจจะถูกใจ คนที่ต้องการเดินทางไปเที่ยว พักผ่อน หรือไปทำงาน แล้วอยากพกอุปกรณ์ฝึกไปด้วย …. พูดง่ายๆก็คือ เป็นอุปกรณ์ที่เคลื่อนย้ายสะดวก พกไปไหนก็ได้ครับ

Read More »
01 Tour De France By Takmaj D8hxwfp Fullview

FTP Test กับนักปั่นจักรยาน!!

FTP Test กับนักปั่นจักรยาน !! ค่า FTP คืออะไร ทำไมนักปั่นต้องรู้ ? สำหรับการออกกำลังกายของสายปั่น หลายคนคงจะคุ้นเคยกับคำว่า FTP Test ดี ถึงขั้นจริงจังกับค่านี้มาก แต่สำหรับผู้เริ่มต้นบางคนอาจจะยังไม่เข้าใจถึงความสำคัญของคำ ๆ นี้ แอดจึงขออนุญาตอธิบายถึงความสำคัญและจำเป็นของคำๆนี้กันครับ ค่า FTP คืออะไร สำหรับค่า Functional Threshold Power (FTP) ถ้าให้อธิบายง่ายๆคือ ค่าวัตต์ต่อชั่วโมงที่คนๆนั้นทำได้ ยกตัวอย่างเช่นหากแอดมีค่า Functional Threshold Power อยู่ที่ 200 วัตต์ นั้นแปลว่าแอดสามารถปั่นในความหนักที่ดีที่สุดโดยไม่ถึงจุดเริ่มล้า(จุดที่ไม่สามารถรักษาระดับความเร็ว พลังขา รอบขาได้) ที่ 200 วัตต์ ได้นาน 1 ชั่วโมง แต่ถ้าหากมีคนที่มีค่า FTP Test อยู่ที่ 300 วัตต์ แปลว่าคนๆนั้นย่อมมีความหนักในการปั่นที่มากกว่า ค่านี้จึงเป็นเหมือนตัวแสดงความฟิตของนักปั่นจักรยาน หากใครมีค่า FTP จักรยานสูงจึงแปลว่ามี ”พลังเครื่องยนต์” ที่ดีกว่านั้นเอง การเทียบ FTP กับ Heart Rate Zone สำหรับผู้เริ่มต้นอาจจะฝึกฝนโดยใช้ค่า Heart Rate เป็นตัวตั้ง แต่นักกีฬาจักรยานที่จริงจังต่อการฝึกซ้อมนั้น จะใช้ค่า FTP test Cycling โดยมีเหตุผลสำคัญคือ โซนหัวใจเทียบจากอัตราชีพจรสูงสุดเป็นเพียงค่าประมาณการเท่านั้น ความแม่นยำจึงไม่สูงมาก แต่เมื่อหาได้แล้วจะมีความแม่นยำมากกว่า โดยมีความคลาดเคลื่อน +/- เพียง 8 % เท่านั้น ในการในไปใช้ สายปั่นจึงนิยมนำค่า Functional Threshold Power ไปใช้งานในภาคสนามมากกว่านั่นเอง แล้วจะทดสอบยังไงดี ? แอดมีวิธีการหาค่า FTP Test มาแนะนำดังนี้ครับ 1.ทำการอบอุ่นร่างกายเป็นระยะเวลา 10 นาที 2.เมื่อเสร็จสิ้นการอบอุ่นร่างกาย แล้ว ให้ขี่ที่ความหนักสูงสุดเป็นระยะเวลา 20 นาที 3.จากนั้นนำข้อมูลของ Power Meter ที่ได้ ในระยะเวลา 20 นาที นั้นมาหาค่าพลังเฉลี่ย 4.คูณค่าเฉลี่ยของพลังด้วย 0.95 เพื่อหาค่า ขีดจำกัดของพลังในการขี่จักรยาน Function Threshold Power (FTP) **การทดสอบจำเป็นต้องมีจักรยานที่มี Power Meter ติดไว้** หรืออีกวิธีคือหาจักรยานที่แสดงผลค่าวัตต์ที่แม่นยำ ใช้ทดสอบเพื่อคำนวนค่า FTP ได้ เช่นจักรยาน Keiser M3i Lite ที่ได้รับการรับรองว่ามีการแสดงค่าวัตต์ที่แม่นยำและสามารถเชื่อมแอปเพื่อใช้ทดสอบได้ ซึ่งจะใช้เวลาในการทดสอบประมาณ 30 นาที [ คลิปวีดีโอการทดสอบ FTP : https://youtu.be/5bx4Wsv5Dbo ] สุดท้ายนี้แอดเชื่อว่าการที่นักปั่นทุกท่าน ไม่ว่าจะเป็นผู้เริ่มต้น ไปจนถึงระดับนักกีฬา ทราบ FTP Test ของตนเองเร็วเท่าไหร่ ก็จะยิ่งส่งผลต่อการฝึกและการพัฒนาตัวเองให้ถึงเป้าหมายที่วางไว้ได้ดียิ่งขึ้น ที่มา https://www.facebook.com/cyclingmodel/posts/1416772881851924/ https://vinasport.co.th/ftp-cycling-measure-application/ https://www.stagefindtherealu.com/sport-lab https://www.thaimtb.com/forum/viewtopic.php?f=60&t=1241079

Read More »